คำถาม ... หน่วย BTU ย่อมาจากอะไร? ทำไมถึงเกี่ยวกับความเย็นของแอร์
เฉลย ...
BTU ย่อมาจาก British Thermal Unit ซึ่งเป็นหน่วยมาตรฐานสากลที่ว่าด้วยการถ่ายความร้อน โดย 1 BTU หมายถึง ปริมาณความร้อนที่ทำให้น้ำ 1 ปอนด์ (0.45 กิโลกรัม) มีอุณหภูมิเพิ่มขึ้นหรือลดลง 1 องศาฟาเรนไฮด์ (0.56 องศาเซลเซียส) แต่เมื่อนำมาใช้กับเครื่องปรับอากาศ (แอร์) จะมีคำว่าภายใน 1 ชั่วโมงเข้ามาร่วมด้วย เช่น เครื่องปรับอากาศขนาด 12,000 BTU หมายถึง เครื่องปรับอากาศที่สามารถถ่ายเทความร้อนออกจากห้องนั้น ๆ ได้ 12,000 BTU ใน 1 ชั่วโมง นั่นเอง
เครื่องปรับอากาศ เป็นเครื่องใช้จำเป็นที่ขาดไม่ได้ไปแล้วสำหรับบ้านเรา |
แน่นอนว่าเครื่องปรับอากาศที่วางขายกันโดยทั่วไปนั้น มีให้เลือกมากมาย และมีค่า BTU ที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งแน่นอนว่าเราต้องเลือกขนาดให้เหมาะสมกับพื้นที่ที่จะนำไปใช้งานด้วย การเลือกแอร์ที่มีขนาด BTU ต่ำไปใช้กับพื้นที่ขนาดใหญ่ แอร์เครื่องนั้นก็จะถ่ายเทความร้อนออกจากห้องได้ช้า เราจะรู้สึกว่าแอร์ไม่เย็น แถมแอร์จะต้องทำงานงานหนักและกินไฟมาก ในทางกลับกันถ้าเราเลือกแอร์ที่มีค่า BTU สูง ไปใช้ในพื้นที่ขนาดเล็ก แอร์ก็จะถ่ายเทความร้อนออกได้ไวมาก เราจะรู้สึกว่าแอร์เย็นมาก แต่ก็เปลืองไฟมากโดยไม่จำเป็นเช่นกัน
ดังนั้นการเลือกขนาด BTU ที่เหมาะสมกับพื้นที่ใช้งานจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น ดังนั้นก่อนซื้อแอร์หรือเครื่องปรับอากาศ เราควรวัดขนาดความกว้าง ยาว และสูง ของพื้นที่ไปด้วย ทางร้านและพนักงานขายจะได้แนะนำแอร์ที่มีค่า BTU ที่เหมาะสมให้กับเราได้อย่างถูกต้อง หรือถ้าไม่ได้วัดขนาดไป สามารถใช้เกณฑ์คร่าว ๆ ต่อไปนี้ได้เช่นกัน
- 9,000 - 12,000 BTU เหมาะกับห้องนอนและห้องทำงานขนาดเล็กทั่วไป
- 13,000 - 21,000 BTU เหมาะกับห้องนอนขนาดใหญ่ หรือคอนโดขนาด 1 ห้องนอน
- 21,000 - 30,000 BTU เหมาะกับห้องโถงขนาดกลาง ห้องนั่งเล่น หรือที่ทำงาน 5-10 คน ร้านกาแฟ
- 30,000 BTU ขึ้นไป เหมาะกับสำนักงาน ร้านอาหาร โถงใหญ่ ห้องรับแขกขนาดใหญ่
การเลือกเครื่องปรับอากาศที่มี BTU เหมาะสมกับพื้นที่ใช้งาน ช่วยให้เย็นสบายและประหยัดค่าไฟฟ้าได้มาก |