เฉลย ...
หม้อทอดไร้น้ำมัน หรือ Air Fryer ถือว่าเป็นเครื่องครัวสำหรับคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ต้องการความรวดเร็ว สะดวกสบาย หรือผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักและหลีกเลี่ยงอาหารที่ต้องทอดด้วยน้ำมันแบบดั้งเดิม แต่เมื่อต้องการซื้อหม้อทอดไร้น้ำมันจะต้องทำอย่างไร ต้องดูอะไรบ้าง เชื่อว่าหลายคนคงมีคำถามพวกนี้ในหัวอย่างแน่นอน วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีพิจารณาเมื่อต้องการจะซื้อเครื่องทอดไร้น้ำมันมาฝากกัน ... มาดูกันเลย
สิ่งที่ต้องพิจารณาเมื่อจะซื้อหม้อทอดไร้น้ำมัน มีดังนี้
1. ขนาด
แน่นอนว่าขนาดของหม้อทอดไร้น้ำมันจะเป็นสิ่งแรก ๆ ที่เราต้องดู เพื่อให้ได้ขนาดของหม้อตามที่เราต้องการ และตรงกับเมนูอาหารที่เราต้องการจะทำ หม้อทอดไร้น้ำมันจะมีหลายขนาดให้เลือก ตั้งแต่ขนาดเล็ก 2-3 ลิตร ไปจนถึงขนาดใหญ่ 15-20 ลิตร ดังนั้นต้องคิดให้ดีว่าเราต้องการนำหม้อมาทำอะไร เช่น ถ้าต้องการนำมาทำไก่อบหรือหมูทอดครั้งละมาก ๆ ก็ควรเลือกขนาดใหญ่หน่อย เช่น หม้อขนาด 8 ลิตร ถ้าเผลอไปซื้อขนาด 2 ลิตรมาก็คงจะอบหรือทอดได้แค่นกกระทาหรือปีกไก่แทน แต่ถ้าต้องการทำแค่ทอดปีกไก่ ทอดเฟรนช์ฟราย หรือทอดไข่ดาว ขนาด 4-5 ลิตรก็เกินจะพอแล้ว
แน่นอนว่าขนาดของหม้อทอดไร้น้ำมันจะเป็นสิ่งแรก ๆ ที่เราต้องดู เพื่อให้ได้ขนาดของหม้อตามที่เราต้องการ และตรงกับเมนูอาหารที่เราต้องการจะทำ หม้อทอดไร้น้ำมันจะมีหลายขนาดให้เลือก ตั้งแต่ขนาดเล็ก 2-3 ลิตร ไปจนถึงขนาดใหญ่ 15-20 ลิตร ดังนั้นต้องคิดให้ดีว่าเราต้องการนำหม้อมาทำอะไร เช่น ถ้าต้องการนำมาทำไก่อบหรือหมูทอดครั้งละมาก ๆ ก็ควรเลือกขนาดใหญ่หน่อย เช่น หม้อขนาด 8 ลิตร ถ้าเผลอไปซื้อขนาด 2 ลิตรมาก็คงจะอบหรือทอดได้แค่นกกระทาหรือปีกไก่แทน แต่ถ้าต้องการทำแค่ทอดปีกไก่ ทอดเฟรนช์ฟราย หรือทอดไข่ดาว ขนาด 4-5 ลิตรก็เกินจะพอแล้ว
2. ความร้อนที่ต้องการ
การทอดต้องใช้ความร้อน แม้ว่าจะเป็นการทอดด้วยอากาศก็ตาม ดังนั้นควรเลือกหม้อที่ให้ความร้อนตรงกับเมนูอาหารที่เราต้องการจะทำ หม้อทอดไร้น้ำมันส่วนมากจะสามารถให้ความร้อนได้ประมาณ 200 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นความร้อนที่สามารถทำอาหารได้แทบทุกชนิดอยู่แล้ว แต่ถ้าเมนูอาหารของเราต้องการความร้อนที่สูงกว่านี้ เช่น อบเค้กหรืออบคุกกี้ จะต้องเลือกให้ดี ดูสเปคให้แน่นอน ถามผู้ขายให้แน่ใจ ไม่ใช่เห็นราคา 500 บาทแล้วกระโดดคว้าเลย แบบนี้คงอดทำเมนูอร่อยตามที่ต้องการแน่นอน
3. กำลังไฟ
กำลังไฟมีความสำคัญมากต่อการเลือกซื้อหม้อทอดไร้น้ำมัน เพราะมันจะเป็นตัวบอกว่าเราจะได้ความร้อนที่ต้องการเร็วแค่ไหน ถ้าเลือกกำลังไฟต่ำเกินไป เราอาจถอดใจเลิกทำก่อนกำหนดเพราะว่าความร้อนไม่ถึงซะที ดังนั้นควรเลือกกำลังไฟที่สูงไว้ก่อน (แต่อาจเปลืองไฟหน่อย แต่คงไม่เท่าเปิดแอร์หรอกเนอะ ^ ^) หม้อทอดไร้น้ำมันที่มีขายอยู่ในตลาดมักมีกำลังไฟอยู่ในช่วง 800-1,500 วัตต์ แต่รุ่นพิเศษอาจให้กำลังไฟถึง 2,000 วัตต์ ดังนั้นเลือกกำลังไฟให้เหมาะกับระดับความอดทนของเรา และถ้าเป็นไปได้ให้ประหยัดเงินในกระเป๋าจากค่าไฟด้วยจะดีที่สุด
4. ความยากง่ายในการใช้งาน
หม้อทอดไร้น้ำมันรุ่นใหม่ ๆ มักมาพร้อมกับหน้าจอสั่งงานแบบสัมผัส ตั้งค่าความร้อนและเวลาในการทอดได้อย่างง่ายดาย แต่ถ้าใครเป็นสายวินเทจและชอบออกกำลังกาย ก็สามารถเลือกแบบกดปุ่มแบบดั้งเดิมได้ ต้องกดต้องหมุนแบบแรง ๆ ถึงจะได้ค่าที่ต้องการ คลาสสิกดีแถมได้เหงื่ออีกด้วย อีกเรื่องที่ต้องดูคือหน้าจอสั่งงานหรือตั้งค่าเป็นภาษาที่เราเข้าใจ ส่วนมากหนีไม่พ้นภาษาไทย อังกฤษ และภาษาจีน ถนัดภาษาไหนก็เลือกภาษานั้นได้เลย
5. ความยากง่ายในการทำความสะอาด
ปกติแล้วในการใช้หม้อทอดไร้น้ำมันนั้นเราก็มักจะทำความสะอาดทุกครั้งหลังทำอาหารเสร็จ ยกเว้นคนที่ชอบล้างจานชามปีละครั้ง ดังนั้นควรเลือกซื้อหม้อทอดไร้น้ำมันที่ทำความสะอาดง่าย ไม่มีซอกเล็กซอกน้อยให้เศษอาหารเล่นซ่อนแอบ รวมถึงควรเลือกตะแกรงรองด้านในแบบ Non-stick เพื่อให้เศษอาหารเกาะติดยาก และทำความสะอาดง่ายมากอีกด้วย อย่าเลือกซื้อแบบตะแกรงรองธรรมดา บอกเลยขัดกันเหงื่อตก เหมือนทำงานร้านหมูกระทะก็ไม่ปาน
6. ราคาและการรับประกัน
เมื่อเลือกหม้อได้ตามที่ต้องการแล้ว สิ่งสุดท้ายที่ต้องพิจารณาคือราคาและการรับประกัน เลือกหม้อทอดไร้น้ำมันที่ตรงกับงบประมาณที่ตั้งไว้ หรือ ไม่ลำบากใจเวลาควักเงินจ่าย และเลือกยี่ห้อและรุ่นที่รับประกันอย่างน้อย 1 ปี เพราะเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดมีโอกาสเสียได้ทุกเวลา ดังนั้นควรได้ใช้สักปีนึงก่อนค่อยเสีย ... แต่แปลกนะ เครื่องใช้ไฟฟ้ามักเสียทันทีเมื่อหมดระยะรับประกัน 55555+
จาก 6 ข้อที่ต้องพิจารณาด้านบน เชื่อว่าเพื่อน ๆ จะสามารถเลือกซื้อหม้อทอดไร้น้ำมัน หรือ Air Fryer ได้ตรงกับความต้องการ ในงบประมาณที่เหมาะสม และสามารถทำอาหารได้ครบทกเมนูที่ต้องการ อ้อ ยังมีอีกอย่างหนึ่งที่ห้ามลืม เลือกยี่ห้อหรือรุ่นที่ให้สายไฟแบบ 3 ขา (มีสายดินด้วย) เกิดเหตุไฟรั่วขึ้นมา สายดินช่วยเซฟชีวิตเราได้
